สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
อนุญาตให้มีการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ทั้งสิ้น 7 ราย ได้แก่
1. บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BITKUB)
2. บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Satang Pro)
3. บริษัท หั่วปี้ (ประเทศไทย) จำกัด (Huobi) (ก.ล.ต. ได้มีคำสั่งให้ระงับบริการ และเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว)
4. บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด (ERX)
5. บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex)
6. บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด (Upbit)
7. บริษัท จีเอ็มโอ-แซด.คอม คริปโทนอมิคซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (Z.comEX)
อนึ่ง ข้อมูลจากสำนักงาน ก.ล.ต. ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ได้ระบุว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก ขณะนี้มีมูลค่าตามมาร์เก็ตแคป (Market Cap) อยู่ที่ 2.87 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกว่า 43.27% มาจาก Bitcoin ทั้งนี้ยังพบว่า สินทรัพย์ดิจิทัลให้ผลตอบแทนสูงกว่า เมื่อเทียบกับหลักทรัพย์ทองคำและน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงมีความเสี่ยงและความผันผวนที่ค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับราคาหุ้นไทย (SET Index) ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ +12.20%
รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” (SET) มีนโยบายต้องการเดินหน้าเป็น ตลาดทุนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เต็มรูปแบบ และต้องการเปิดบริการซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดรอง สำหรับการซื้อขายสินค้าดิจิทัล อีกทั้งยังมีการเปิดระบบ ICO (Initial Coin Offering) หรือ การระดมทุนแบบดิจิทัลด้วยการเสนอขายโทเคนดิจิทัล (Digital Token) ผ่านระบบ Blockchain ต่อสาธารณชน ซึ่งเป็นตลาดแรก เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องการระดมทุนระหว่างผู้ลงทุน และผู้ระดมทุน รวมไปถึงการเปิดให้บริการ “Digital Asset Wallet” เพื่อเก็บรักษาดิจิทัลโทเคนอีกด้วย โดยแผนที่วางไว้คือ SET ร่วมมือกับ Kubix ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ KBTG ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ SET จะออกดิจิทัลโทเคนแรกประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2565 และจากนั้นปลายไตรมาส 2 ของปี 2565 จะสามารถเปิดตลาดรองซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้