มุมเรื่องสั้นไทย
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบหกสิบห้าปีของเทวัญ แต่เขาไม่คิดจะพาผู้หญิงของเขาออกจากห้องพักไปกินอาหารมื้อค่ำที่ไหน
“ดูสิ ฝนกำลังตกหนักเหลือเกิน” เขาพึมพำออกมา เมื่อแลเห็นสายฝนตกผ่านแสงไฟริมถนนบริเวณประตูท่าแพ พลางคิดว่านี่ช่างเป็นภาพชวนให้รู้สึกประทับใจเสมอ ยามได้มาเที่ยวเชียงใหม่ในฤดูฝน แน่นอน การมาเยือนครั้งนี้เนื่องด้วยในโอกาสพิเศษ แต่จะเป็นโอกาสอะไรนั้นเขากลับจำไม่ได้ ดูเหมือนว่ามันจะติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขานั่นเอง เขาพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ราวกับมันเป็นข้าวของเครื่องใช้ ที่มักจะหาไม่เจอในตอนที่จำเป็นต้องใช้งานเข้าจริง ๆ
“ไปหลบซ่อนอยู่เสียที่ไหนหนอ เจ้าความทรงจำวายร้าย” เทวัญรำพึงด้วยเสียงอันแผ่วเบา ขณะนั่งมองดูความเป็นไปของชีวิตบนท้องถนนจากทางหน้าต่างโรงแรม สักพักหนึ่งเขาก็วานผู้หญิงของเขาให้โทรศัพท์สั่งอาหารขึ้นมากินกันบนห้องพัก
“แอน คุณคงไม่ว่าอะไรนะ ถ้าเราจะนั่งกินอะไรกันเงียบ ๆ ในห้องนี้” เป็นเวลานานทีเดียวกว่าที่เทวัญจะพูดเรื่องนี้ออกไป
“ตามใจค่ะ แอนเพิ่งสั่งไส้อั่ว เป็ดย่าง แล้วก็ไส้กรอกเวียนนามาเป็นกับแกล้ม ของโปรดของคุณเทวัญทั้งนั้นเลย ส่วนเครื่องดื่มเป็นเบียร์ดำนะคะ ถือว่านานทีปีหนก็แล้วกัน”
“วิเศษจริง นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ดื่มเบียร์ดำ” ชายสูงวัยส่งเสียงพึมพำงึมงำเหมือนพูดกับตัวเอง
“ถ้าคุณหมอไม่ห้าม คุณเทวัญก็คงดื่มเป็นประจำกระมัง พอดีแอนเห็นว่าเป็นวันเกิด แต่ก็อย่าให้ถึงกับเมานะคะ ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน แอนไม่อยากให้ผ่านไปด้วยความมึนเมาเลย”
“เมื่อไหร่หมอห้ามออกจากบ้าน ก็คงไม่ได้มาเที่ยวเชียงใหม่อีกแล้ว”
“ถ้าคุณเทวัญยังแข็งแรงดี ใครจะกล้าห้ามได้ล่ะคะ”
เทวัญมองอีกฝ่ายหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเศร้า ๆ ว่า “ผมไม่ใช่ผู้ชายที่แข็งแรงสำหรับหญิงสาวอย่างคุณอีกแล้ว คุณก็รู้ดีนี่”
“มันไม่สำคัญหรอกค่ะเรื่องนั้น อันที่จริงแอนก็อายุตั้งสี่สิบ ไม่ใช่หญิงสาวมานานแล้ว” แอนกล่าวออกมาโดยไม่มองหน้าเทวัญ ดูเหมือนว่าเธอกำลังเหม่อมองออกไปทางช่องหน้าต่าง
“พูดอะไรอย่างนั้น ไม่จริงเลย ว่าแต่คุณเคยนึกเสียใจบ้างไหมที่ต้องมาข้องแวะกับคนแก่อย่างผม คนสวยอย่างคุณน่าจะมีโอกาสที่ดีกว่านี้”
“แอนชอบเสียอีก อย่าห่วงเลยค่ะ”
“กับผู้ชายที่…ที่จำวันเกิดของคุณไม่ได้อย่างนั้นน่ะเรอะ” เทวัญย้อนถามเสียงเบา แววตาเลื่อนลอย
“มันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญที่คุณเทวัญต้องใส่ใจจำหรอกค่ะ แค่ยังระลึกได้ว่าแอนเป็นใครก็พอแล้ว”
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมลืมคุณ” เทวัญตั้งคำถามอีก
“แอนก็คงจะหายไปจากชีวิตของคุณเทวัญ” แอนสบตากับเขา แล้วยิ้มเยือกเย็น
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป มีเสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้น แอนลุกจากเก้าอี้ไปเปิดประตู เป็นพนักงานรูมเซอร์วิสนั่นเอง เขาเข็นรถเข็นคันเล็กเข้ามาเทียบโต๊ะกลมริมหน้าต่าง ก่อนจะยกจานอาหารและขวดเบียร์พร้อมแก้วสองใบวางลงบนโต๊ะ เบียร์อีกสองขวดที่เหลือถูกนำไปแช่ไว้ในตู้เย็น (มินิบาร์มีแต่เบียร์ยี่ห้ออื่นที่เทวัญไม่ชอบ ฝ่ายหญิงจึงสั่งเบียร์ดำมาให้) เทวัญมองเห็นแอนขอบคุณพนักงานหนุ่มและมอบเงินรางวัลให้ตรงประตูห้องพัก จากนั้นก็เดินกลับมานั่งที่เดิม
“คุณจำได้มั้ยว่า วันนี้นอกจากเป็นวันเกิดของผมแล้วยังมีอะไรให้จดจำอีก” จู่ ๆ เทวัญก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีความสำคัญอย่างไร เขาจึงตั้งคำถามขึ้นมาหลังจากจิบเบียร์ดำไปอึกหนึ่ง
“ใครจะลืมวันที่อเมริกาถูกโจมตีจากภายนอกด้วยเครื่องบินโดยสารได้ล่ะคะ”
“คนตายสามพันกว่าศพทีเดียว” เขาถอนหายใจ “บ้าจริง ๆ ที่มันดันมาเกิดในวันที่ผมควรฉลองให้สนุก แต่มันก็ยังไกลตัวกว่าตอนที่สึนามิถล่มภาคใต้ของไทยในวันเกิดของคุณนะ ผมรู้สึกเช่นนั้นนะ”
“คุณเทวัญจำวันเกิดของแอนได้แล้ว” แอนยิ้มอย่างมีความสุข
“ใช่ จำได้แล้ว แต่เหตุการณ์ไหนเกิดขึ้นก่อนกันล่ะ สึนามิใช่มั้ย” เทวัญขมวดคิ้วคิดทบทวน
“ผิดแล้วค่ะ ตึกเวิลด์เทรดถูกถล่มเกิดก่อนค่ะ หลายปีก่อนหน้าสึนามิ”
“จริงหรือนี่ ไม่ได้หลอกผมเล่นนะ ผมไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์มันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า แต่ผมจะเชื่อคุณก็แล้วกัน ความจริงผมน่าจะจำได้ดี ก็มันเกิดขึ้นในวันเกิดของผมแท้ ๆ เฮ้อ เวลามันเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากผมทีละอย่างสองอย่าง น่าเศร้าไหมล่ะ”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ จำได้แล้วก็ลืม มันเป็นธรรมดาของคนเรา มาดื่มเบียร์กันดีกว่า”
“ชนแก้ว” เทวัญชูแก้วขึ้นสูง
“ดื่มให้แก่สุขภาพของคุณเทวัญค่ะ”
ทั้งสองยิ้มและพยักหน้าให้กัน เบียร์ดำขวดแรกหมดไปอย่างรวดเร็ว ผิดกับอาหารหลายจานบนโต๊ะที่พร่องไปเพียงเล็กน้อย
“ฝนตกตอนค่ำอย่างนี้ทำให้ผมรู้สึกเศร้า แต่เบียร์ขวดนี้กลับทำให้ผมรู้สึกเป็นหนุ่มขึ้นมาอีกหลายปี หนุ่มขึ้นเหมือนกับตอนที่เราเพิ่งรู้จักกัน ความจริงคงเป็นคุณมากกว่า ที่ทำให้ผมกลับกลายเป็นหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง”
“ถึงขนาดนั้นเลยหรือคะ” แอนถามยิ้ม ๆ
“ใช่ น่าแปลก มันทำให้ความทรงจำของผมชัดเจนขึ้น ความทรงจำที่บางครั้งผมนึกไม่ออก หลายครั้งที่ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของมันด้วยซ้ำ แต่เมื่อผมจำได้ ผมถึงรับรู้ว่าสมัยก่อนผมเคยได้พบกับเรื่องราวมากมาย ทั้งความทุกข์และความสุข ถ้าผมจะหลงลืมเรื่องความทุกข์ไปบ้าง ผมก็ไม่สนใจหรอก แต่บ้าจริง ผมมักจะลืมเรื่องที่เคยมีความสุข โชคดีที่มันยังแวบกลับมาบ้างเป็นระยะ ๆ”
“คงเป็นเรื่องของคุณเทวัญกับอดีตแฟนสาวมากหน้าหลายตามั้งคะ”
“ไม่เอาน่า อย่าพูดถึงผู้หญิงอื่นในตอนที่เราอยู่ด้วยกันเลย” เทวัญส่ายหน้า
“นั่นทำให้คุณเทวัญเจ็บปวดหรือคะ” แอนจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายหนึ่ง
“มันไม่มีความหมายอะไรอีกแล้วน่ะสิ ถ้าสักวันหนึ่งมันจะถูกลบออกไปจากเซลล์สมองของผมจนหมด ก็ย่อมถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มีตัวตนให้คิดถึง เหลือแต่ความว่างเปล่า มันจะจบสิ้นไปทั้งที่ผมยังมีลมหายใจอยู่อย่างนี้นี่แหละ”
“คุณเทวัญจะลืมแอนด้วยไหมคะ”
“ผมคงตายก่อนที่จะลืม…”
“ปากหวานจัง แต่ไม่เอาค่ะ ไม่พูดเรื่องไม่เป็นมงคลในวันเกิดนะคะ”
“มันเป็นความจริงของชีวิต”
“กินไส้อั่วนี่ดีกว่าค่ะ เขาทำอร่อยใช้ได้”
“งั้นหรือ อืม จริงด้วย หอมอร่อยดี คนเราควรรีบกินของอร่อย ๆ ในขณะที่ฟันฟางยังพอเคี้ยวได้ ถ้าต้องตะบันน้ำกินแล้วก็หมดท่ากัน” พูดจบเทวัญก็หัวเราะและอดใจไม่ได้ที่จะใช้ลิ้นดุนฟันปลอมเล่น
“ว่าแต่คุณเทวัญวางแผนจะอยู่เชียงใหม่กี่วันคะ”
“แล้วแต่คุณเถอะ ผมยังไงก็ได้ แต่ขากลับคงต้องนั่งเครื่องบิน เมื่อเช้าผมได้ข่าวว่ารางรถไฟแถวลำปางลำพูนมีปัญหาจากน้ำป่า ไม่รู้ว่าปีนี้น้ำจะท่วมใหญ่เหมือนปีก่อนหรือเปล่า คิดดูเอาเถอะ กรุงเทพฯ ท่วมกันถ้วนหน้า ผมจำได้ว่าชวนคุณไปหลบน้ำท่วมอยู่ที่เกาะเสม็ดตั้งเดือนทีเดียวกว่าน้ำจะลด”
“เกาะสมุยค่ะ ไม่ใช่เกาะเสม็ด แล้วก็แค่สองสัปดาห์ ไม่ใช่หนึ่งเดือน”
“คุณจำผิดแล้ว ผ่านไปไม่ถึงปีคุณก็ลืมแล้วหรือ เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตั้งหนึ่งเดือนทีเดียวนา หนึ่งเดือนอันแสนสุข หรือว่าตอนนั้นคุณไม่มีความสุขเลย” เทวัญทำน้ำเสียงเหมือนตัดพ้อ
“ก็ได้ค่ะ แอนจำผิดเอง” แอนหัวเราะเบา ๆ “ลองเป็ดย่างนี่ดูหน่อยนะคะ ชิ้นนี้ค่ะ แอนลอกหนังออกหมดแล้ว”
“เหนียวจัง เป็ดย่างอะไรกันนี่”
“ไม่เห็นเหนียวนี่คะ” แอนพูดขึ้น หลังจากใช้ส้อมจิ้มเนื้อเป็ดชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งใส่ปากเคี้ยว
“ก็คุณเพิ่งอายุแค่สี่สิบ” เทวัญท้วง
“ถ้าเป็นไปได้ แอนอยากให้เราอายุเท่ากันจังเลยค่ะ จะได้รู้สึกเหมือน ๆ กัน แต่ถ้าเมื่อสิบปีก่อนตอนที่เรารู้จักกัน แล้วแอนอายุห้าสิบห้า คุณเทวัญคงไม่สนใจแม้แต่จะชายตามอง คงเลือกคนอื่นไปแล้ว”
“บอกตามตรง ถึงตอนนี้แอนของผมก็ยังสวยน่ารักอยู่เสมอนะ แทบจะไม่แตกต่างจากเมื่อสิบปีที่แล้วเลย” เทวัญมองดูผู้หญิงของเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ผมพูดไม่ผิดหรอก คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตบั้นปลายของผม ผมเชื่อเช่นนั้น มันทำให้ผมอยากบอกคุณว่า…เราน่าจะทำให้ถูกต้องนะ ผมไม่สนใจหรอกกับเรื่องที่แล้ว ๆ มา”
“อย่าพูดในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ ชีวิตของแอนไม่ได้ถูกกำหนดมาให้เป็นอย่างนั้น เฮ้อ คิด ๆ ดูแล้วสิบปีก็เร็วเหลือเกิน หน้าแอนมีริ้วรอยเพิ่มขึ้นมากหรือเปล่าคะ อุตส่าห์ทาสารพัดครีมทุกคืน”
“นิดเดียวจ้ะ แทบมองไม่เห็น สาวรุ่น ๆ ยังสู้คุณไม่ได้” ชายสูงวัยทำสีหน้าจริงจัง ก่อนจะยกแก้วเบียร์ชูขึ้น แล้วกล่าวว่า “ขอดื่มให้แก่ความสัมพันธ์ที่ดีของเรา”
“ค่ะ ขอให้เป็นเช่นนี้ตลอดไป”
ถึงตอนนี้ ดูเหมือนฝนจะเริ่มซาเม็ดแล้ว รถราบนท้องถนนก็พลุกพล่านมากขึ้น เทวัญลุกจากเก้าอี้และเดินไปที่โต๊ะหัวเตียง จัดแจงเปิดวิทยุโดยเลือกช่องที่มีเสียงเพลง โชคดีที่เป็นเพลงบรรเลงช้า ๆ เขาจึงทำท่าเชื้อเชิญแอนให้เดินเข้าไปหา จากนั้นก็ชวนเธอเต้นรำไปตามจังหวะดนตรี เขายิ้มพอใจเมื่อรับรู้ว่าเธอกำลังซบหน้าอยู่บนแผ่นอกของเขา
“จำได้ไหมคะ ว่าทำไมเราถึงมาเชียงใหม่กัน” แอนถามเสียงอู้อี้
“ผมชอบเชียงใหม่ เราก็เลยมาเที่ยว และฉลองวันเกิดของผมตามลำพังสองคน”
“คุณเทวัญจำไม่ได้จริง ๆ หรือคะ”
“จำอะไรอีกล่ะ ผมว่าผมพูดไปหมดแล้วนะ”
“คุณเทวัญบอกว่า อยากมาเชียงใหม่เพื่อระลึกถึงครั้งแรกที่เราสองคนพบกันไงคะ เรานัดเจอกันครั้งแรกที่เชียงใหม่ตรงประตูท่าแพ ถึงแม้ว่าตอนนั้นเราทั้งคู่จะอยู่กรุงเทพฯ นี่แหละค่ะคือเหตุผลหลัก”
เทวัญได้แต่ส่ายหน้า สีหน้าสีตาเหมือนคนที่ในสมองมีแต่ความว่างเปล่า คว้าจับอะไรไม่ได้เลย
“ผมเคยทำอะไรโรแมนติกอย่างนั้นด้วยหรือ จดไว้ได้มั้ย คราวหน้าผมจะได้ไม่ลืม…”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ แอนจะช่วยจำให้เอง” แอนยิ้มทั้งน้ำตา “เดี๋ยวเต้นรำเสร็จแล้ว ต้องกินยานะคะ”
“ถ้าชีวิตของผมมีคุณอยู่ด้วยทุกวัน ไม่ต้องคอยโทรศัพท์หาทุกครั้งที่คิดถึง ผมก็คงจะไม่ลืมกินยาในบางวันหรอก ทั้งก่อนและหลังอาหาร”
เมื่อเพลงจบลง เทวัญก็กลับมานั่งดื่มเบียร์เช่นเดิม ส่วนแอนเดินไปค้นหากล่องยาในกระเป๋าเดินทางของเทวัญ แล้วหยิบยาที่ทางบ้านของเทวัญได้แยกไว้เป็นมื้อต่าง ๆ มาส่งให้เขา ซึ่งก็รับไปใส่ปากเหมือนเด็กว่าง่าย ก่อนจะดื่มเบียร์ตามลงไป
“กินยากับเบียร์จะเป็นอะไรหรือเปล่านะ”
“นานทีปีหนคงจะไม่เป็นไรกระมังคะ ว่าแต่ดูข้างนอกนั่นสิ ฝนหยุดสนิทแล้ว เดี๋ยวเราลงไปเดินเล่นกันดีไหมคะ”
“แอนสวยเหลือเกิน ผมอยากอยู่ในห้องพักนี่มากกว่า อยากนอนคุยกับคุณทั้งคืน” เทวัญมองดูหญิงสาวของเขาอย่างมีความหมาย
“ทำเป็นหนุ่ม ๆ ไปได้ค่ะ” แอนหัวเราะร่วน
แต่ชายสูงวัยไม่ขำ เขาลุกขึ้นยืน พยายามให้ตัวตรงองอาจเหมือนคนหนุ่ม และจูงมือพาเธอเดินไปที่เตียงนอนกลางห้อง เขาจูบเธอเบา ๆ ที่ริมฝีปาก แล้วทำท่าเหมือนจะอุ้มเธอขึ้น แต่เมื่อไม่ไหว จึงเปลี่ยนเป็นค่อย ๆ คลานเข่าขึ้นไปบนเตียง จากนั้นดึงเธอให้ซบลงมาเกยก่ายลงบนร่างของเขา
“ต่อให้ผมมักจะลืมอะไรอยู่บ่อยครั้ง แต่ผมก็จำได้แม่นว่าเรายังไม่ได้มีอะไรกันเลย ตั้งแต่มาถึงที่นี่”
“แล้วคืนนี้…”
“ผมรู้สึกคึกคักอย่างบอกไม่ถูก บางทีอาจเป็นเพราะความหลังกระมัง”
“ความหลังงั้นหรือคะ”
“ที่โรงแรมนี้ไงที่รัก ครั้งแรกของเราสองคน จำได้หรือเปล่าล่ะ”
เทวัญมองแอนและยิ้มอย่างผู้ชนะ เขาค่อย ๆ เปลื้องเสื้อผ้าของเธอออกซึ่งเป็นไปอย่างงุ่มง่ามเต็มที ในที่สุด แอนก็เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า เขามองอย่างหลงใหล หลังจากไม่ได้เห็นมานานหลายเดือน นาทีต่อมาก็พยายามถอดชุดที่ตัวเองสวมอยู่ ทว่าคงดูทุลักทุเลเกินไป อีกฝ่ายหนึ่งจึงลุกขึ้นมาช่วยถอดจนสำเร็จ เขากอดแอนไว้อยู่นานสองนาน ก่อนจะรั้งร่างงามสมวัยนอนราบไปกับที่นอน เขากอดจูบลูบคลำเธอไปตามอารมณ์ แต่ไม่นานเท่าไรนักก็หมดแรง ต้องแยกไปนอนหงายหอบหายใจเสียงดัง
“ผมไม่ไหวแล้ว ขอโทษด้วยนะ พยายามทำให้เหมือนครั้งแรกของเราเมื่อสิบปีก่อน แต่วันเวลามันเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างจริง ๆ ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้แอนก็มีความสุขแล้ว…อืม แอนจะพูดดีไหม จริง ๆ ครั้งแรกของเราเกิดขึ้นที่ภูเก็ตค่ะ ตอนที่คุณเทวัญพาแอนไปเที่ยวที่นั่นนานตั้งสัปดาห์หนึ่ง หลังเจอกันที่เชียงใหม่แล้วร่วมเดือน”
“อ้าว ยังงั้นหรอกเรอะ ทำไมผมถึงจำได้คลาดเคลื่อนไปถึงเพียงนี้กันนะ” เทวัญถอนหายใจยาว แล้วก็ทำท่ายงโย่ยงหยกลุกจากเตียง พอเท้าแตะพื้นก็เดินกระย่องกระแย่งตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัว ไม่นานนักก็เดินออกมาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดเดิมและสวมรองเท้าหุ้มส้น
“ผมรู้สึกค่อยยังชั่วแล้ว เดี๋ยวเราออกไปเดินเล่นแถวประตูท่าแพกันดีกว่า ผมอยากระลึกถึงความหลังของเรา คราวนี้ผมจะจำให้ขึ้นใจเลย ว่าแต่คุณคิดว่าฝนจะตกลงมาอีกมั้ย”
“ไม่มั้งคะ ขอเวลาแอนแต่งตัวแป๊บนึงนะคะ”
“ตามสบาย ผมจะลงไปรอที่ล็อบบี้ อ้อ อย่าลืมสวมแว่นกันแดดด้วยล่ะ”
“ไม่ลืมอยู่แล้วค่ะ มีครั้งไหนที่แอนเคยลืมบ้าง” แอนตอบด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ
“ผมเสียใจ เอาเถอะ ผมจะตอบแทนให้อย่างงามเลยทีเดียว” เทวัญมองดูผู้หญิงของเขา ก่อนจะคว้าไม้เท้า แล้วเปิดประตูก้าวออกจากห้องพักไป
หมายเหตุ ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารกุลสตรี ฉบับปักษ์หลัง เดือนมกราคม พ.ศ. 2556
เว็บไซต์ nittayasan.com