ม่อนแจ่มเดือด
สำหรับขั้นตอนในการดำเนินการในครั้งนี้ ประกอบด้วยหลังสวนโฮมสเตย์ ม่อนดาวเรือง ม่อนดูดาว ม่อนแสงระวี และแสงเหนือแคมปิ้ง ซึ่งทั้งหมดถูกตรวจสอบและมีหลักฐานชัดเจนว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้เนื่องจากมีการใช้พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์และมีการเปลี่ยนมือให้กับนายทุนหรือนอมินีเข้ามาประกอบกิจการแทน
ขณะที่ได้มีกลุ่มชาวบ้านในนามของเครือข่ายสิ่งแวดล้อมม้ง 12 หมู่บ้านในอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอหางดง และอำเภอแม่ริม ได้เดินทางมาคัดค้านการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ โดยขอให้พิจารณาชะลอการหรือถอนสิ่งปลูกสร้างของชาวบ้านออกไปก่อนและขอให้รอคำพิพากษาของศาลออกมาว่าจะมีผลเป็นอย่างไร ซึ่งชาวบ้านก็พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาลเมื่อถึงเวลานั้น
นายสัมพันธ์ พุฒด้วง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้เชียงใหม่ ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบที่พักรีสอร์ทบริเวณดอยม่อนแจ่ม พบว่า 122 แห่ง มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบกิจการโรงแรม และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารจำนวน 86 แห่ง ซึ่งในส่วนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลและมีบางแห่งที่ศาลพิพากษาความผิดแล้ว
ส่วนอีก 36 แห่งตรวจสอบอย่างละเอียดพบข้อมูลหลักฐานชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนมือถ่ายโอนไปให้กับนายทุนเข้ามาประกอบกิจการแทนรวมทั้งมีการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 25 ของพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่จึงมาดำเนินการหรือถอนในส่วนนี้ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งเตือนและเปิดโอกาสให้มีการอุทธรณ์ชี้แจงไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้มีกลุ่มชาวบ้านหลายร้อยคนรวมตัวถือป้ายนั่งขวางถนนทางเข้าออกรีสอร์ทที่อยู่ในข่ายที่จะต้องถูกหรือถอนทำให้จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเคลื่อนกำลังเข้าหรือถอนตามแผนที่วางไว้ได้ สถานการณ์ตึงเครียดเนื่องจากกลุ่มชาวบ้านไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ ทำให้ผลการเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ จึงได้ยุติการเจรจา
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่เพื่อประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.65) ขณะที่กลุ่มแกนนำชาวบ้านได้ประกาศให้มวลชนเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกเทศมนตรีตำบลแม่แรม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และจากนั้นจะเดินทางต่อไปยัง กทม.เพื่อยื่นถวายฎีกาต่อไป
ขอบคุณหนังสือพิมพ์แนวหน้าเอื้อเฟ้อภาพและข้อมูล
เว็บไซต์ nittayasan.com