มาทำความรู้จักน้ำมันปลากันก่อน
น้ำมันปลา คือ อะไร? คำตอบคือ น้ำมันดีมีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์อย่างพวกเรา ผลิตจากปลาทะเลน้ำลึกตามแหล่งต่าง ๆ ทั่วโลก (เน้นปลอดสารตะกั่วและปรอท) โดยที่ในน้ำมันปลาที่นำมาบริโภคนั้นจะมีสารต่าง ๆ เช่น กรดโดโคซาเฮกซะอีโนอิก หรือ DHA กรดอีโคซะเพนตะอีโนอิก หรือ EPA เป็นต้น ซึ่งเป็นกรดที่มีคุณประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย และเราจะได้สาธยายต่อไปตามบทความข้างล่างนี้
น้ำมันปลามีดีอย่างไร?
น้ำมันปลามีประโยชน์มากมาย ดังต่อไปนี้
- น้ำมันปลาบำรุงสมอง ส่งผลทำให้ความจำของมนุษย์ดีกว่าเดิม หรือเสื่อมโทรมช้าลง
- น้ำมันปลาป้องกันโรคความจำเสื่อม โดยกรด DHA ช่วยลดการสร้างเส้นใยในสมอง อันเป็นที่มาของโรคความจำเสื่อม
- น้ำมันปลาทำให้น้ำหนักลดลง เหมาะแก่ผู้ต้องการควบคุมน้ำหนัก
- น้ำมันปลาลดการอักเสบของกระดูกอย่างเห็นผล เพราะน้ำปลาจะไปลดการผลิตยีนที่หลั่งสารไซโตไคน์ออกมา
- น้ำมันปลามีส่วนในการลดความดันโลหิตสูง เพราะจะไปทำให้หลอดเลือดขยายตัว เมื่อหลอดเลือดขยายตัว ความดันโลหิตจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ระวัง! น้ำมันปลาไม่ควรกินพร้อมกับอะไร?
1. น้ำมันปลาไม่แนะนำให้กินคู่กับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วาร์ฟาริน โคลพิโดเกล ซึ่งในทางการแพทย์ใช้เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด และป้องกันโรคเลือดต่าง ๆ ทำให้เลือดในร่างกายไม่จับตัวเป็นก้อน และด้วยความที่น้ำมันปลาก็มีสรรพคุณนี้เช่นกัน เช่น ทำให้เลือดไม่ข้นหนืด ลดการแข็งตัว ถ้ากินน้ำมันปลาพร้อมกับยาดังกล่าวอาจส่งผลเสียได้ เพราะเลือดจะแข็งตัวช้า ก่อให้เกิดอันตรายเมื่อเลือดไหลไม่หยุดทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
2. น้ำมันปลาไม่แนะนำให้กินคู่กับอาหารคอเลสเตอรอลสูง หากกินน้ำมันปลามากเกินไป แน่นอนว่าย่อมจะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลเพิ่มสูงด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าจะกินน้ำมันปลาก็ควรลดอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงเพื่อตัดปัญหาเรื่องนี้
3. ผู้ที่มีอาการแพ้ไม่แนะนำให้กินน้ำมันปลา เพราะย่อมส่งผลเสียทันที ไม่ควรฝืน โดยเฉพาะคนที่แพ้อาหารทะเลต้องระวังให้มาก หากใครกินน้ำมันปลาแล้วมีอาการปวดศีรษะ อาเจียน ปวดท้อง คลื่นไส้ หรือท้องเสีย ต้องงดกินน้ำมันปลาทันที และรีบไปพบแพทย์
น้ำมันปลา กินเวลาไหน ก่อนหรือหลังอาหาร?
เราขอแนะนำให้กินน้ำมันปลาหลังอาหารหรือพร้อมมื้ออาหาร เพื่อคุณประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ