เรื่องสั้นไทย “ช่างซ่อมลิ้นชัก” โดย ธาร ยุทธชัยบดินทร์

เรื่องสั้นไทยเรื่อง-ช่างซ่อมลิ้นชัก-ผลงานของธาร-ยุทธชัยบดินทร์-นักเขียนไทย

มุมเรื่องสั้นไทย

ช่างซ่อมลิ้นชักเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางกลับบ้านช่างยาวไกลเกินกว่าที่ใจอยากให้เป็น   ถ้าพื้นถนนราบเรียบ   เขาก็อยากจะลากขาเดินเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป   แต่จนใจที่มันขรุขระสิ้นดี   มิหนำซ้ำนายกเทศมนตรียังไม่เคยคิดจะจัดการซ่อมแซมให้ดีขึ้น   ด้วยกำลังวุ่นวายอยู่กับการแก้ปัญหามากมายที่รุมเร้าอยู่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา   ปัญหาเล็ก ๆ อย่างถนนที่เขาใช้เดินกลับบ้านทุกวันจึงต้องรอคอยไปก่อน   บางทีปัญหาเรื่องนี้นายกเทศมนตรีอาจจะลืมแล้วก็เป็นได้   สมองก้อนเล็ก ๆ มีเพียงไม่กี่เซลล์อย่างนั้น   จะจุเรื่องราวอะไรได้สักกี่มากน้อยกันล่ะ   ช่างซ่อมลิ้นชักเดินไปบ่นไป

เขาขยับสายสะพายกระเป๋าเครื่องมือช่างซึ่งทำท่าจะลื่นไหลหลุดจากบ่าให้เข้าที่อีกครั้ง   ไหล่ของเขาลู่ลงไปทุกขณะในทุกย่างก้าว   ได้แต่คิดว่ากรรมใดหนอที่ทำให้เขาต้องมาประกอบอาชีพเป็นช่างซ่อมลิ้นชักอยู่ในเมืองนี้   เพราะขณะที่ชาวเมืองเข้านอนกันหมดแล้ว   เขาเพิ่งจะเสร็จสิ้นจากการงานอันยุ่งเหยิง   โชคยังดีที่คืนนี้ไม่ต้องเลิกงานดึกนัก   ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้าจนนึกอิจฉาเงาตัวเองที่เกิดจากแสงจันทร์   มันทอดยาวออกไปไกลบนถนนเบื้องหน้า   และมีโอกาสได้นอนราบกับพื้นถนน   ขณะที่เจ้าของร่างต้องเดินโงนเงนอยู่คนเดียว

แย่ยิ่งกว่านั้นยังมีอีกเรื่องหนึ่ง   ตอนนี้เขารู้สึกว่านอกจากจะเหนื่อยแล้ว   กระเพาะอาหารก็พลันปั่นป่วนด้วยความหิว   จะมีใครสักคนเข้าใจถึงหัวอกช่างซ่อมลิ้นชักอย่างเขาบ้างไหมเล่า   ที่ผ่านมาก็เห็นมีแต่ชาวบ้านกลุ่มเดียวที่ให้กำลังใจ   นอกนั้นล้วนแล้วแต่เห็นว่า   เขาเป็นคนจำพวกที่ชอบเข้าไปวุ่นวายกับลิ้นชักของใครต่อใครอยู่เสมอ

คนที่มีความคิดเช่นนี้   มองไปทางไหนก็เห็น   ได้ยินเสียงทิศใดก็รู้   ถ้าจะให้ไล่เรียงกันตามลำดับก็ต้องว่ากันตั้งแต่นายกเทศมนตรีกันเลยทีเดียวเชียว   เพราะมนุษย์ผู้นี้ดูจะมีปัญหากับลิ้นชักมากที่สุด   จนเขาต้องหาเวลาไปซ่อมให้เป็นประจำ   โดยมากมักจะซ่อมตอนกลางวัน   แต่ก็มีที่ซ่อมเลยเถิดไปจนถึงตอนกลางคืนในบางครั้ง

แม้กระทั่งวันนี้   ทั้ง ๆ ที่เขามีตารางงานซ่อมลิ้นชักให้นักบวชรายหนึ่ง   แต่ก็ต้องขอเลื่อนออกไปก่อน   ด้วยรู้ข่าวมาว่านายกเทศมนตรีเปิดลิ้นชักเก็บหนังสือสำคัญไม่ออก   เมื่อเขาไปดูให้กลับพบว่า   ปัญหาเกิดจากลิ้นชักนั้นมีบัญชีรับส่วย   ซึ่งเป็นสมุดปกแข็งวางอยู่ด้านบนสุดภายในลิ้นชัก   เมื่อปกแข็งนี้อ้าหรือเผยอขึ้น   จึงไปงัดกับขอบของตู้ลิ้นชัก   ด้วยเหตุนี้   หากคิดจะดึงลิ้นชักออกตรง ๆ จึงเป็นเรื่องยาก   มีเพียงช่างซ่อมลิ้นชักอย่างเขาที่รู้วิธี   ว่าเพียงแค่ใช้เครื่องมืออันมีลักษณะยาวและแบนกดปกสมุดเล่มนั้นลง   ลิ้นชักของนายกเทศมันตรีก็สามารถเปิดออกได้อย่างง่ายดาย

และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก   เขาจึงจัดระเบียบลิ้นชักเสียใหม่   โดยรื้อข้าวของทั้งหมดออกมากองกับพื้น   ก่อนจะจัดวางเรียงลงไปอีกครั้งให้เป็นหมวดหมู่   ทีนี้จะหยิบจะใช้ก็ง่าย   หากหายก็รู้   มิหนำซ้ำยังดูงามตา   ทั้งนี้เขาต้องบอกให้นายกเทศมนตรีหัดโยนข้าวของบางอย่างทิ้งไปเสียบ้าง   จำพวกช้อนกาแฟเก่า ๆ   รองเท้าแตะที่เหลืออยู่ข้างเดียว   สมบัติชาวบ้านที่ยึดมาเป็นสมบัติส่วนตัว   ปึกจดหมายขอความช่วยเหลือของญาติพี่น้อง   หนังสือวรรณกรรมที่มีไว้เพื่อแนะนำให้คนอื่นอ่านแต่ตัวเองไม่เคยเข้าใจ   หรือหนังสือประเภทปลุกใจเสือป่าที่ท่านใช้อ่านคลายเครียดยามมีอารมณ์   เพื่อให้ลิ้นชักโล่งและจัดระเบียบได้ง่ายขึ้น   อย่างไรก็ตาม   ช่างซ่อมลิ้นชักเลี่ยงที่จะไม่แนะนำว่า   สำหรับสมุดบัญชีรับส่วยของท่านควรเก็บไว้ในที่ลับกว่านี้   อาจจะเป็นในกางเกงลิงของท่าน   หรือไม่ก็ในถังชักโครกที่ไม่มีใครใช้งานแล้ว   ตรงไหนก็ได้   เอาที่สบายใจ   แต่ไม่ใช่ยัดใส่ไว้ในลิ้นชักอย่างที่เป็นอยู่   เขาไม่ยอมแนะนำตามจรรยาบรรณของช่างซ่อมลิ้นชัก   นั่นอาจเป็นเพราะว่า   เขาไม่อยากทำให้นายกเทศมนตรีฉลาดขึ้นนั่นเอง

หลังจากเสร็จเรื่องของนายกเทศมนตรีแล้ว   จริง ๆ เขาต้องไปซ่อมลิ้นชักให้นักบวชชื่อดังตามกำหนดการเดิม   เพียงแต่เขาเห็นว่ามันเลยเวลาไปมาก   จึงขอเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้แทน   แม้นักบวชดังกล่าวเกรงว่าจะไม่ทันกับหมายจับที่ออกมาแล้ว   ท่านอยากรีบจัดระเบียบลิ้นชักของท่านโดยเร็ว   ก่อนที่จะมีปัญหากับหัวหน้าตำรวจเมืองนี้   จนเป็นเรื่องอื้อฉาวมากขึ้น

เหตุที่เขาต้องปฏิเสธอย่างไร้น้ำใจก็เพราะว่า   เกิดกรณีเร่งด่วนขึ้นมาอีกรายหนึ่ง   แล้วคงเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก   หากเขาจะต้องพลาดการซ่อมลิ้นชักให้กับหัวหน้าตำรวจประจำเมืองนี้   หรือที่ชาวบ้านเรียกกันง่าย ๆ ว่า “หัวหน้ายาม” นั่นเอง

สมัยที่ช่างซ่อมลิ้นชักยังตัวกระเปี๊ยกอยู่นั้น   เวลาใครถามว่าโตขึ้นมาอยากเป็นอะไร   เขาจะต้องบอกเสียงดังฟังชัดเสมอว่า   “หนูจะเป็นยาม   หนูอยากเป็นยาม ตีเหล็กดังแก๊ง ๆ ตอนกลางคืน”

นั่นเป็นเพราะเขาชอบเครื่องแบบสุดเท่ของตำรวจเมืองนี้มาก   มันดูเข้มแข็งดี   ครั้นเติบโตขึ้น   ชีวิตกลับพลิกผันไม่ได้ทำตามที่ฝันไว้   อาจเป็นด้วยร่างกายของเขาไปค่อยจะแข็งแรงสักเท่าไรนัก   ทว่าจริง ๆ แล้ว   ถ้าเขาไม่หลอกตัวเอง   เขาก็อยากบอกว่า   ตอนนี้เขาชอบเป็นช่างซ่อมลิ้นชักมากที่สุด   เพราะจะมีอาชีพไหนอีกเล่า   ที่สามารถสอดรู้สอดเห็นว่าในลิ้นชักของผู้คนเมืองนี้ใส่อะไรไว้บ้าง   แถมยังมีสิทธิเข้าไปดูแลจัดระเบียบ   หรือรื้อข้าวของในนั้นทิ้งเสียก็ได้   โดยไม่มีใครอยากจะตอแยด้วย   ยกเว้นแต่คนที่เหลืออดจริง ๆ ก็อาจตะโกนด่าลอย ๆ ในยามที่เขาเดินผ่าน   หรือบางทีก็ด่าฝากคนรู้จักมาบ้าง   ซึ่งเขามักจะให้อภัยเสมอกับคนที่มีปัญหาเรื่องลิ้นชักเหล่านี้   มีน้อยรายเหลือเกินที่เขาจะจดชื่อไว้ชำระแค้นในภายหลัง   ด้วยการเอาเรื่องราวเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างในลิ้นชักของคนผู้นั้นมาโพนทะนาในสังคม   แน่นอน   ในเมืองที่นิยมและศรัทธาต่อการซุบซิบนินทาอย่างสนุกสนานนี้   หัวข้อสนทนายอดนิยมย่อมหนีไม่พ้นไปจากเรื่องลิ้นชักของชาวบ้าน   ถ้าเป็นลิ้นชักของคนดังด้วยแล้วก็ยิ่งวิเศษเข้าไปใหญ่

ในกรณีของหัวหน้าตำรวจประจำเมือง   ซึ่งเคยทุบตีเขาโดยใช้กระบองที่ชาวเมืองซื้อให้ไว้สู้กับขโมย   ในสมัยที่เขายังเป็นเพียงช่างซ่อมลิ้นชักฝึกหัด   แล้วริอ่านไปซ่อมลิ้นชักให้แก่ญาติคนหนึ่งของหัวหน้าตำรวจประจำเมือง   ตอนนั้นเขาซ่อมไปรื้อไป   แล้วคงเพราะเผลอบ่นไปด้วยว่า   “ลิ้นชักญาติตำรวจอะไรก็ไม่รู้   ช่างรกเสียจริง”   นั่นทำให้เจ้าของลิ้นชักไม่พอใจ   จนนำเรื่องไปฟ้องหัวหน้าตำรวจประจำเมือง   แล้วเป็นด้วยนิสัยของหัวหน้าตำรวจประจำเมือง   ซึ่งมักจะหัวร้อนฉ่าเวลาได้ยินคนพูดจาไม่เข้าหู   หรือกระทำในสิ่งที่กระทบกับอัตตาตนเอง   นี่เป็นเหตุให้เขาถูกทำโทษ   และเขาย่อมจำได้ไม่เคยลืม   แต่เพื่อความแน่นอน   เขาจึงจดความแค้นนี้ใส่ไว้ในสมุดบันทึกเล่มเล็ก   กระทั่งกลายเป็นนิสัยติดตัวเรื่อยมา

และวันนี้   เมื่อมีโอกาสไปซ่อมลิ้นชักให้แก่หัวหน้าตำรวจประจำเมืองเป็นครัั้งแรก (หลังจากที่รอมานาน)   เขาจึงพยายามจับผิดข้าวของทุกชิ้นที่พบอยู่ในลิ้นชัก   แอบโยนทิ้งไปบ้างก็มี   เจออะไรที่ส่อเค้าว่าจะเป็นหลักฐานแสดงความไม่โปร่งใส   หรือพบทรัพย์สินชาวบ้านในลิ้นชัก   ก็รีบบันทึกไว้เป็นหลักฐานเผื่อจะมีประโยชน์ในภายหลัง   ที่แน่ ๆ ก็คือ   เขาพยายามจัดระเบียบลิ้นชักให้มั่วมากที่สุด   แต่ก็สามารถเปิดใช้งานได้ง่ายที่สุดเช่นกัน   ไม่ตกรางเหมือนที่ผ่านมา   จึงมองดูเหมือนมีระเบียบ   ทว่าความจริงคือไร้ระเบียบ   คราวนี้หากหาอะไรไม่เจอจนมีปัญหากับชาวเมือง   จะมาโทษช่างซ่อมลิ้นชักอย่างเขาไม่ได้หรอกนะ   เขาแจ้งไปเช่นนั้นโดยพยายามไม่หัวเราะ

หลังจากนั้น   เขาเห็นว่ายังมีเวลาเหลือพอสำหรับลูกค้ารายย่อยอยู่บ้าง   จึงเจียดเวลาไปซ่อมลิ้นชักให้ผัวเมียคู่หนึ่งกับลูก ๆ   หลังจากรู้มาว่า   ลิ้นชักของคนในบ้านนี้ใช้ไม่สะดวก มักจะตกรางหรือติดขัดอยู่เป็นประจำ   บางทีก็หาของที่ต้องการใช้ไม่พบ   เมื่อเขาลองสำรวจดูจึงพบที่มาของปัญหาซึ่งก็เหมือนกับทุกรายที่ผ่านมา   กล่าวคือ   ในลิ้นชักของแต่ละคนมีข้าวของมากเกินไป   ไม่มีความเป็นระเบียบเอาเสียเลย   สิ่งที่ควรใส่ลิ้นชักบนกลับไปอยู่ในลิ้นชักล่าง   สิ่งที่ควรอยู่ในลิ้นชักล่างดันไปอยู่ในลิ้นชักบน

เมื่อเขาแนะนำให้จัดระเบียบใหม่   ทั้งผัวและเมียพากันหวังว่าจะหาของที่ต้องการได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม   ประเภทหาไม้แขวนเสื้อไม่พบ   ทั้ง ๆ ที่จำได้ว่าเคยเก็บไว้ดีแล้วคงไม่เกิดขึ้นอีก   แต่ที่เกือบจะทำให้เขาถูกพวกลูก ๆ ของผัวเมียคู่นี้กระโดดกัดหู   ก็ตอนที่เขาเปิดลิ้นชักของพวกเด็ก ๆ ออกมาดู   แล้วพบว่าลิ้นชักของเด็กผู้ชายมีเสื้อผ้าผู้หญิงซ่อนอยู่   ในขณะที่ลิ้นชักของเด็กผู้หญิงเต็มไปด้วยจดหมายรักจากพวกเด็กหนุ่ม   พอเขาจะโยนส่วนเกินพวกนี้ทิ้งไปก็ได้รับการต่อต้าน   และไม่อนุญาตให้เขาซ่อมลิ้นชักอีก   จึงพอเห็นวี่แววว่า   อีกไม่นานลิ้นชักในบ้านนี้คงจะกลับมาเปิดไม่ออกอีกครั้งหนึ่ง   แต่เด็ก ๆ พวกนั้นก็พากันยืนกรานขอให้ปล่อยมันไว้เช่นนั้น   เพราะมันเป็นธรรมชาติของลิ้นชักของพวกเขา   ไม่ใช่ลิ้นชักของช่างซ่อมลิ้นชัก   ในที่สุดเขาต้องล่าถอยออกมา   โดยทำบันทึกไว้ว่า   หากมีโอกาสจะต้องกลับไปซ่อมลิ้นชักของเด็กพวกนี้ให้จงได้   แม้จะต้องซ่อมอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ก็ตาม

ลูกค้ารายสุดท้ายของวันนี้เป็นลิ้นชักของนักแสดงกลางแจ้งคนหนึ่ง   ซึ่งเขาพบว่าแอบใช้ลิ้นชักร่วมกันกับนักกายกรรมหญิงที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้   นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ลิ้นชักแทบจะปริแตก   เพราะรองรับปริมาณเครื่องทรงต่าง ๆ ไม่ไหว   และเหมือนเช่นเคย   ทั้งสองคนบอกว่าเป็นความพอใจส่วนตัว   มิหนำซ้ำยังขอให้เขารับปากว่าจะไม่นำไปเล่าให้ใครฟัง   แต่เขาก็ไม่ได้รับปากอย่างจริงจังนัก   เพราะกรณีการใช้ลิ้นชักร่วมกันอย่างลับ ๆ นี้เป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง   เขาน่าจะนำไปเป็นกรณีศึกษาแก่ผู้มีปัญหาเรื่องลิ้นชัก   ตลอดจนพวกที่ชอบสนใจว่าลิ้นชักของเพื่อนบ้านมีอะไรอยู่บ้าง   ข้อมูลเหล่านี้มักจะแลกเปลี่ยนเป็นเงินทองได้เสมอ   ตราบใดที่ยังมีพวกชอบสอดรู้สอดเห็นอยู่ในสังคม   บางทีเขาอาจจะต้องใส่สีตีไข่เพิ่มลงไปอีกสักเล็กน้อย   เพื่อให้เรื่องราวดูสนุกสนานมากขึ้น   จะมีใครสักกี่คนที่จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด   พวกนั้นต้องการเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้นเอง   

ชีวิตของช่างซ่อมลิ้นชักวนเวียนอยู่กับการทำงานหนักตามที่ได้เล่ามานี้โดยไม่มีวันหยุด   เขาต้องทนเหน็ดเหนื่อยกับการเดินเข้าบ้านนั้นออกบ้านนี้ทุกวันติดต่อกันปีแล้วปีเล่า   

ดูอย่างวันนี้เถอะ   จนมืดค่ำแล้วข้าวสักเม็ดก็ยังไม่ตกถึงท้อง   เงินค่าตอบแทนก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง   แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังเป็นอาชีพที่คนให้ความนับถืออยู่บ้าง   บางทีอาจถึงขั้นที่เรียกได้ว่าอยู่แถวหน้าของเมืองนี้เลยก็ว่าได้   เพราะจะมีอาชีพไหนอีกเล่า   ที่สามารถเข้าไปวุ่นวายกับลิ้นชักของชาวบ้านได้ตามใจชอบ   เพราะลิ้นชักของใคร   ใครก็ย่อมหวงด้วยกันทั้งนั้น

ช่างซ่อมลิ้นชักคิดแล้วก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ   และยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก   เมื่อแลเห็นบ้านหลังน้อยรอเขาเป็นเงาตะคุ่ม ๆ อยู่ไม่ไกลแล้ว   หากขืนไกลมากไปกว่านี้   เขาคงต้องลงทุนคลานสี่ตีนอย่างแน่นอน   เพราะรู้สึกว่าเรี่ยวแรงจวนเจียนจะหมดอยู่รอมร่อ

เขาพยายามกัดฟันเดินจนถึงบ้าน   รีบเปิดประตูเข้าไปและจุดตะเกียงจนแสงส่องสว่างไปทั่วห้อง   จากนั้นปลดสายสะพายกระเป๋าเครื่องมือออกจากบ่าเพื่อนำไปเก็บไว้ในลิ้นชัก   แต่เขาก็ต้องประหลาดใจสุดขีด   เมื่อเปิดลิ้นชักออกมาแล้วพบว่าไม่มีที่ว่างสำหรับวางกระเป๋าเครื่องมือ   ทั้ง ๆ ที่เมื่อตอนเช้าเขายังหยิบมันออกมาจากลิ้นชักได้   และแน่ใจถึงขนาดว่า   มันมีที่ว่างเหลือพอสำหรับใส่หมาของนายกเทศมนตรี   หรือแม้แต่ควายของหัวหน้าตำรวจประจำเมืองได้ทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้   ช่างซ่อมลิ้นจึงชักพยายามยัดกระเป๋าใบนั้นลงไปด้วยความโมโห   ขณะเดียวกันก็รู้สึกทั้งหิวทั้งเหนื่อย   แต่กระเป๋าเจ้าปัญหาไม่ยอมลงไปในลิ้นชัก   และถึงยัดลงก็คงปิดลิ้นชักไม่ได้อยู่ดี   

ในเวลาต่อมา   ความหิวที่ก่อตัวขึ้นก็ทำให้เขาเปลี่ยนความคิด   เขารีบรื้อลิ้นชักค้นหาอาหารสำเร็จรูปที่เก็บไว้หลายห่อ   จำได้ว่ามันอยู่ด้านในลึก ๆ อย่างแน่นอน

แล้วเรื่องประหลาดก็เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง   เมื่อเขาควานมือไปทั่วลิ้นชักแต่กลับไม่พบสิ่งที่ต้องการ   เขาลองเปลี่ยนไปเปิดลิ้นชักอื่นดูบ้างก็พบว่าบางลิ้นชักเปิดไม่ออก   ที่พอเปิดได้ก็ไม่มีอาหารเลย   มีเพียงเปลือกกล้วยดำ ๆ   ถุงเท้าที่ยังไม่ได้ซัก   และเศษขยะหลายชนิดเต็มอยู่ไปหมด

ด้วยความโมโห   ช่างซ่อมลิ้นชักจึงหันไปล้วงเอาค้อนปอนด์ออกมาจากกระเป๋าเครื่องมือ   แล้วหวดมันเข้าใส่ลิ้นชักทุกใบจนพังพินาศ   ก่อนจะหมดแรงฟุบหน้าลงร้องไห้กับพื้นห้องด้วยหัวใจสลาย


หมายเหตุ  ตีพิมพ์ครั้งแรก   หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ   จุดประกายวรรรณกรรม   เดือนมีนาคม   พ.ศ. 2548

เรื่องสั้นไทยเรื่อง-ช่างซ่อมลิ้นชัก-ผลงานของธาร-ยุทธชัยบดินทร์-นักเขียนไทย
เรื่องสั้นไทยเรื่อง-ช่างซ่อมลิ้นชัก-ผลงานของธาร-ยุทธชัยบดินทร์-นักเขียนไทย

เว็บไซต์ nittayasan.com