มุมเรื่องสั้นไทย
ในฐานะเพื่อนเก่า เราจูบกันอีกครั้งหนึ่ง นับเป็นครั้งที่เจ็ดหรือแปดแล้ว ตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องพักของโรงแรมย่านชานกรุง ก่อนที่เธอจะผละออกจากอ้อมกอดของผม เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อย่างเหนื่อยอ่อน หลังจากนั้นก็บิดตัวและยิ้มเอียงอายเหมือนกับสาว ๆ
นาทีต่อมาเธอก็ขอตัวไปอาบน้ำ เธออ้างว่ารู้สึกร้อน ทั้ง ๆ ที่เครื่องปรับอากาศกำลังทำงานเต็มที่จนเย็นฉ่ำแล้ว ผมเฝ้ามองตามหลังเธอ กระทั่งร่างอันได้สัดส่วนและอิ่มเต็มซึ่งยังดูดีอยู่มากนั้น ลับตาหายเข้าประตูห้องน้ำไป
หลังจากนั้นเธอก็คงถอดเสื้อผ้าออกทุกชิ้นจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า ร่างซึ่งไม่ใช่สาวน้อยเช่นในอดีตเหมือนสมัยที่เราเคยเรียนหนังสือห้องเดียวกัน ทว่าจินตนาการก็ยังทำให้ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นและสัมผัสเรือนร่างในปัจจุบันของเธออยู่ดี
ผมได้ยินเสียงน้ำไหลดังซู่ซ่าคล้ายฝนตก คงจะเป็นเสียงน้ำจากฝักบัวกระมัง ผมรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัวเหมือนเมื่อครั้งแรกตอนเป็นเด็กหนุ่ม
ก่อนหน้านี้ แม้ผมจะได้กลิ่นกายหอมกรุ่นจากบริเวณลำคอและทรวงอกของเธอ ทว่าเธอก็ยังคงต้องการอาบน้ำอยู่ดี บางทีผมควรจะอาบน้ำด้วยเช่นกัน ผมปรารถนาจะขออาบพร้อมกับเธอ แต่เราสองคนก็ยังไม่อาจนับว่าคุ้นเคยมากพอที่จะทำกิจกรรมเช่นนั้นร่วมกันได้ ผมคิดด้วยความเสียดาย
อย่างไรก็ตาม เธออาจตกลง ถ้าผมเดินไปเคาะประตูห้องน้ำ แต่ผมก็ไม่ได้เดินไปตรงจุดนั้นเพื่อเอ่ยปากร้องขอเธอ ผมยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องราวบางเรื่องในอดีต ขณะนอนรอเธออยู่บนเตียงนอนที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งรับประกันว่าก่อนวันพรุ่งนี้เช้าจะมาถึง มันย่อมกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่จะอยู่ในความทรงจำของเราทั้งสองคนไปชั่วชีวิต
“รสชาติของชู้นั้นหวานนัก”
อดีตชู้รักคนหนึ่งของผมเคยกล่าวไว้เช่นนั้นเมื่อนานมาแล้ว หลังจากอ่านข่าวหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับคดีพิศวาสฆาตกรรม เธอพูดตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่ได้สนิทกันนัก ระดับความสัมพันธ์เป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมงานที่ได้พบหน้ากันเกือบทุกวัน และไม่มีใครในระหว่างเราทั้งสองคาดคิดมาก่อนว่า ความสัมพันธ์ที่ดีกว่าคนแปลกหน้าเพียงเล็กน้อยนี้ จะลงเอยบนเตียงนอนในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง เพื่อจะเรียนรู้ว่าความหวานที่ว่านั้นซ่านซึ้งขนาดไหน และพลันเมื่อเปลี่ยนเป็นรสขมกลับขมหนักอย่างไร
เมื่อความสัมพันธ์ของเราต้องจบลง พร้อมคำสัญญาว่าจะไม่พบกันอีกตามที่สามีของเธอต้องการ ผมจึงตัดสินใจลาออกจากงาน ทั้งหมดนี้ผมทำไปเพื่อเธอหรือเพื่อตัวเองกันแน่นะ ผมมักจะตั้งคำถามด้วยความสงสัย ทว่าผมก็ไม่เคยค้นพบคำตอบในเรื่องนี้เลย
วันสุดท้ายผมแอบจูบลาเธอในห้องน้ำของบริษัท ก่อนอำลาจากกันชั่วชีวิต และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก็ไม่ยอมสานสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนในลักษณะนี้อีก จนกระทั่งเวลาผ่านไปราวกับสูญเปล่านับได้กว่ายี่สิบปี ใกล้เข้าสู่วัยชราเต็มที เหมือนเป็นโค้งสุดท้ายของความเป็นหนุ่มที่เหลือน้อยลงทุกขณะ โอกาสของการได้เสพความหวานเป็นครั้งสุดท้ายก็หวนกลับมาให้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง กับความสัมพันธ์ในวัยเยาว์ที่ไม่เคยได้เริ่มต้น
ผมพยายามปฏิเสธไม่กระโจนลงในสนามนี้เหมือนหลายต่อหลายครั้งในอดีต ภาพของเธอขณะขอตัวเดินไปเข้าห้องน้ำช่างเป็นอิริยาบถที่แสนจะเจนตาเจนใจ แต่เกิดกับหญิงสาวรายอื่น ๆ ที่เคยเดินผ่านเข้ามามากมายในชีวิต จังหวะที่เธอหันหน้ามาส่งยิ้มให้ก่อนเดินเข้าประตูห้องน้ำไปนั้น ก็ไม่ต่างจากที่หญิงสาวคนอื่น ๆ เคยกระทำมาก่อน มันจึงเป็นการกระตุ้นเตือนว่า อีกไม่นานความบันเทิงสุขที่มนุษย์ไม่เคยเบื่อหน่ายนี้ จะเกิดขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง ตราบเท่าที่ร่างกายไม่อ่อนปวกเปียกลงไปเสียก่อน
การล่วงรู้เหตุการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเวลาต่อมา ช่างกระตุ้นความรู้สึกภายในที่กำลังกระวนกระวายได้เป็นอย่างมาก ภาพในห้วงความคิดแสนจะเย้ายวนปั่นป่วนและชวนเสียวกระสันสิ้นดี รสชาติที่เคยร่วมรสมานับครั้งไม่ถ้วนในชีวิตยังคงตราตรึงใจ ครั้นแล้วด้วยสำนึกในบางสิ่งบางอย่างอันงดงามบริสุทธิ์ ก็ทำให้อดเตือนตัวเองไม่ได้ว่า อีกไม่นานความหวานนี้จะกลายเป็นความขมเหมือนเช่นครั้งก่อน ๆ ความสุขจะกลายเป็นความทุกข์ และรอยยิ้มจะเหือดหาย ทั้งหมดจะกลายเป็นเพียงคราบน้ำตาในโลกอันพร่ามัวตลอดไป ใครที่มีสติดีก็อาจรู้ได้ว่ามันไม่เคยคงทน
ที่ผ่านมา หลังจากยุติเรื่องราวอื้อฉาวกับหญิงสาวคนสุดท้ายแล้ว ผมก็ได้ทิ้งโอกาสในการรับรสชาติของความสัมพันธ์อย่างลับ ๆ นี้หลายต่อหลายครั้ง แม้หญิงสาวแต่ละคนจะเย้ายวนใจมากสักเพียงไหนก็ตาม นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่ได้รู้สึกรักพวกเธอเลย ราวกับว่าความรักยากจะเกิดขึ้นอีก มันจึงเป็นเรื่องง่าย (แม้กระนั้นก็ยังหนักหนาอยู่ดี) ที่จะตัดใจ แล้วครั้งนี้เล่า มันสมควรเกิดขึ้นอีกหรือ ผมถามตัวเอง
ไม่เลย มันไม่สมควรเกิดขึ้นอีก สิ่งที่ทำให้มันไม่สมควรเกิดขึ้นประการหนึ่งก็เพราะว่าปัจจุบันนี้ผมมีภรรยาแล้ว ผมหมายถึงคู่ชีวิตที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกันมานานถึงยี่สิบปีอย่างซื่อสัตย์และดีงาม สมควรแก่ตำแหน่งภรรยาดีเด่นอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าความรักที่เคยมีต่อกันจะจืดจางไปหมดสิ้นแล้วก็ตาม
“ถ้าเราไม่สานต่อเราก็ยังสามารถจบเรื่องนี้ได้ทัน ทางที่ดีเราไม่ควรพบกันอีก รวมถึงไม่ติดต่อกันอีกด้วย จริง ๆ นะ ทั้งทางโทรศัพท์หรือโปรแกรมแชท เราจะทำตัวเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ที่เพียงหวนกลับมาพบกันในงานเลี้ยงรุ่น จากนั้นก็ติดต่อคุยเล่นกันเพียงไม่กี่ครั้ง พอให้หายคิดถึงอดีตอันสวยงาม ก่อนที่จะห่างหายกลับไปอยู่คนละโลกเหมือนเดิม เรื่องราวระหว่างเราที่ไม่ได้เริ่มต้นเมื่อสามสิบห้าปีก่อนโน้น คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร หากมันจะไม่ได้เริ่มต้นในคืนนี้”
“ที่คุณเปลี่ยนใจ เป็นเพราะเมื่อได้เจอตัวจริงของฉัน แล้วฉันไม่สวยเหมือนเดิมใช่ไหม สมัยเรียนคุณเคยชมว่าฉันสวยที่สุด ลืมหรือยัง ตอนที่บอกรักฉัน แต่เดี๋ยวนี้ฉันแก่แล้วนี่”
“แม้ตอนนี้ผมจะห้าสิบสองแล้ว แต่ผมก็จูบคุณด้วยความรู้สึกของคนหนุ่มเลยทีเดียว ผมกล้าบอกอย่างจริงใจ”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่อยากให้เราพบกันอีก หรือว่าคุณต้องการทำให้ฉันเสียใจ นี่เป็นการแก้แค้นที่ฉันเคยปฏิเสธคุณในตอนนั้นหรือเปล่าคะ โธ่ ก็ตอนนั้นฉันยังเป็นเด็กนี่ ยังไม่ประสีประสาเรื่องความรักเลย หรือว่าจริง ๆ แล้วปัญหาอยู่ที่สามีของฉัน บอกตามตรงนะ เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันมานานมาก…”
“แต่ผมเชื่อว่าเขายังหวงแหนคุณอยู่นะ”
ผมยั้งปากทันที่จะไม่กล่าวต่อไปว่า ก็คงเหมือนข้าวของบางอย่างที่เราทิ้งขว้างจนฝุ่นจับ แต่เมื่อมีใครจะมาหยิบไปใช้ หรือแม้กระทั่งขอครอบครองอย่างเป็นทางการ เรากลับปฏิเสธอย่างแข็งขัน เรายังคงนึกเสียดายสิ่งนั้นในนาทีสุดท้ายเสมอ
ตอนเช้าผมขับรถออกจากโรงแรมและพาเธอไปส่งที่สถานีรถไฟ เนื่องจากเธอบอกว่า ขากลับเธออยากเดินทางด้วยรถไฟสักครั้งหนึ่ง นี่จะเป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะเธอไม่เคยนั่งรถไฟมาก่อนเลย เธอต้องการรับรู้ว่ามันจะสนุกตื่นเต้นสักแค่ไหน
ผมจึงซื้อตั๋วให้เธอ มันเป็นตั๋วประเภทรถนั่งชั้นสอง มีระบบปรับอากาศด้วย ทีแรกผมตั้งใจจะซื้อตั๋วนอนชั้นหนึ่งให้ แต่เธอปฏิเสธ เธอว่าตั๋วนอนไม่เหมาะกับคนเดินทางไกลตามลำพังอย่างเธอ เธอพูดออกมาอย่างเศร้า ๆ
ที่ชานชาลา ผมส่งเธอขึ้นตู้โดยสาร พลางเฝ้ามองร่างของเธอเดินผ่านหน้าต่างกระจกบานแล้วบานเล่า เมื่อเห็นเธอนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง จึงโบกมือให้เธอที่ริมชานชาลาอันโดดเดี่ยวนั่นเอง
ภาพที่เห็นเธอเกาะกระจกร้องไห้อยู่หลังหน้าต่างทำให้ผมอยากวิ่งตามขึ้นไปบนตู้โดยสาร แต่ก็พยายามข่มใจเอาไว้ ด้วยนึกกลัวใจตัวเองว่าจะอ่อนแอ จนไม่ยอมกลับลงมาเมื่อเสียงระฆังทองเหลืองดังขึ้น
และแล้วเมื่อเสียงระฆังใบนั้นดังขึ้นจริง ผมก็ทำได้เพียงแค่ฝืนยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นโบกลาเป็นครั้งสุดท้าย รู้สึกปวดร้าวและใจหายในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมานานมากแล้ว
ทว่าก่อนที่สายตาของเธอจะพ้นไปจากการรับรู้ของผม พลันผมก็หวนคิดถึงเรื่องราวในวัยเยาว์ระหว่างเราขึ้นมาอีกครั้ง และหลุดปากพึมพำถ้อยคำบางคำออกไป…ซึ่งเธอไม่มีวันได้ยิน
หมายเหตุ
เรื่องสั้นขนาดสั้นเรื่องนี้ รวมเล่มอยู่ในหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด “นาสตาเซีย” จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ศิราภรณ์บุ๊คส์